Sunday, June 15, 2014

วันนี้ เรามาคุยเรื่องอาการ”มือชา”ที่สาเหตุจากพังผืดเกาะรอบสบัก มีคนเป็นกันมาก ให้หมอนวดสังเกตผู้ที่เป็น ถ้าเป็นนานๆพังผืดเกาะมากการเคลื่อนไหวของแขน-สบักไม่ได้องศา เช่นยกแขนแนบหูไม่ได้(ไม่ใช่ไหล่ติด)แต่กล้ามเนื้อช่วง คอ บ่า ไหล่ตึงไปหมด ไพล่หลังก็ไม่ได้ หลังแข็ง คอแข็งก้มไม่ลง พลอยให้เลือดไหลเวียนไม่ดี อาจทำให้เป็นอาการอื่นตามมาเช่น ความดันสูงการทรงตัวไม่ดี ส่วนมากเกิดกับวัยกลางคนที่ขาดการออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายหรือเส้นสายไม่ยืดหยุ่น มาดูวิธีนวดกันครับ




1 ให้นวดเริ่มจากฝ่ามือขึ้นไป โดยกดที่กลางฝ่ามือจะรู้สึกไปที่ปลายนิ้วมือ โดยกด-ปล่อยจนกว่าฝ่ามือรู้สึกผ่อนคลาย


2 ให้นวดบรเวณข้อมือ โดยค่อยๆเขี่ยเส้นเอ็นที่ข้อมือให้เกิดการขยับ เพื่อให้เลือด-ลมบริเวณนี้เดินสะดวก นวดจนกวาเส้นนิ่มลง(ห้ามกดหรือเขี่ยรุนแรง อาจทำให้เส้นประสาทบอบช้ำได้)


3 หงายฝ่ามือแบ่งท่อนแขนด้านในออกเป็น3ส่วน โดยเน้นเส้นแนวบริเวณนิ้วกลาง และนิ้วก้อย


4 คว่ำมือนวดแขนด้านนอกโดย นวดตามแนวเส้นนิ้วโป้งที่เฉียงขึ้นไปถึงข้อศอกด้านนอก


5 นวดแขนด้านบน ทั้งด้านนอกและด้านใน โดยเฉพาะด้านในใกล้รักแร้พยายามหาเส้นที่แข็งให้นวดจนกว่าจะนิ่ม


6 นวดบริเวณขอบสบัก โดยเน้นขอบสบักนอก เพื่อคลายการรัดตัวของพังผืด โดยใช้นิ้วโป้งวางที่ขอบสบักแล้วใช้ส้นมืออีกข้างกดลงที่นิ้วโป้งที่วางไว้ ดันออกจากขอบสบักนวดให้ทั่วสบักนอก 


7 นวดแนวสัญญาณ4และ5 หลังที่บริเวณC7และT1 จะพบเส้นต่อเนื่องมาที่ขอบสบักบน ให้กดนวดจนกว่าจะนิ่ม อาจให้คนไข้นอนคว่ำเอียงคอออกเล็กน้อยให้หมอนวดใช้ศอกกดก็ได้


8 ให้คนไข้นั่งหรือนอนตะแคง ใช้นิ้วโป้งเขี่ยเส้นที่ซอกคอ(เส้นร้อยใจ)ตรงนี้ห้ามเขี่ยหรือกดแรงเป็นอันขาดเพราะจะทำให้เส้นประสาทช้ำง่าย ให้ใช้นิ้วสะกิดเบาๆแต่นานๆจะให้ผลดี(ต้องเขี่ยให้ถูกด้วย ถ้าถูกเวลาเขี่ย จะรู้สึกลงไปที่ศอก) ให้เขี่ยจนรู้สึกว่าเส้นนิ่มลง 


9 นวดต้นคอ โดยเน้นบริเวณด้านหน้าติ่งหู ให้ใช้นิ้วโป้งค่อยๆรีดเส้นที่บวมจนลดลง ถ้าพังผืดหนาตัวบริเวณนี้ จะทำให้ชามือได้โดยสังเกตุ เวลานวดข้างปรกติเส้นจะไม่เหมือนข้างที่ผิดปรกติ ข้างที่ผิดปรกติกดแล้วจะรู้สึกได้ถึงอาการตึงของเส้นอย่างชัดเจน โดยนวดจนกว่าเส้นนิ่มลง(ถ้าไม่ผิดปรกติ คือไม่บวม โดยตรวจทั้ง2ข้าง ก็ไม่ต้องนวดครับ)


10 ให้ใช้เทคนิคการดัดตัว(คลิ๊กดูวีดีโอ --> เทคนิคการผายเส้นและการดัดตัว) เพราะ คอ บ่า ไหล่ ตึงมาก อาจต้องนวดบ่อยๆ




คำแนะนำหลังการนวด โดยปรกติอาการ ชามือแบบนี้เกิดจากการทำงาน และขาดการออกกำลังกาย ให้ดูวีดีโอ กายบริหารแก้อาการมือชา เพื่อบริหาร มือ แขน คอ บ่า ไหล่ ก็จะทำให้อาการดีขึ้นอย่างรวดเร็วกว่านวดเพียงอย่างเดียว






ด้วยความปรารถนาดี อ.สุวัฒน์ เชียงใหม่ สงสัยเรื่องต่างๆสามารถสอบถามได้ที่เบอร์ 089-191-1664
วีดีโออื่นๆ ดูได้ที่นี่ --> Thara Thai Massage Channel

ติดตาม facebook ได้ที่ --> https://www.facebook.com/TharaMassage

วันนี้เรามาให้ความรู้กันต่อครับ คิดว่ามีประโยชน์กับหมอนวดเราไม่มากก็น้อยครับ 

๑.ถ้าคนไข้มีอาการปวดหลังแล้วร้าวลงขาด้านหลัง อ้อมออกมาข้างน่องด้านนอก อาจตรวจเบื้องต้นได้ดังนี้ ให้คนไข้นอนหงาย ยกปลายเท้าขึ้นมาให้หมอนวดกดเหนือเข่าคนไข้และให้คนไข้ต้านไว้(ทำทั้งสองข้าง)ถ้าข้างที่มีอาการร้าวต้านแรงไม่ได้ก็อาจเป็นหมอนรองกระดูกเอวทับเส้นประสาท หรืออาจให้คนนอนหงายแล้วแอ่นปลายเท้าขึ้นทั้งสองข้าง หมอนวดรวบปลายเท้าแล้วกดลงให้คนไข้ต้านมือหมอไว้ ข้างที่เป็นจะต้านไม่ได้ หมายถึงเป็นค่อนข้างมาก ควรตรวจสะโพกดูด้วยว่าสูง-ต่ำกว่ากันด้วยหรือไม่


๒.เวลาคนไข้นอน ให้สังเกตกล้ามเนื้อร่องระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้เท้า ทั้งสองข้างว่าเท่ากันหรือไม่ถ้าบวมกว่ากัน(เล็กน้อย)อาจหมายถึงมดลูกผิดปกติ ซึ่งจะเจ็บทั้งสี่จุดคือ ๑บริเวณกล้ามเนื้อร่องระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้เท้าโดยกดพร้อมกันทั้งสองข้าง ๒ใต้พับเข่า(ด้างล่าง)๓บริเวณใต้ราวนม ๔บริเวณเหนือราวนมมักเบพร้อมกันทั้ง๔จุดซึ่งหมายถึงมดลูกผิดปกติ


๓.เวลาคนไข้นอนหงาย ให้สังเกตเท้าทั้งสองข้างว่าวางเหมือนกันหรือไม่ ถ้าไม่เหมือนข้างที่ผิดปกติมักจะมีปัญหา เช่นบริเวณต้นขา(เส้น๑ขาด้านนอกจะแข็งเป็นลำ มือก็เช่นเดียวกัน ถ้าวางไม่เหมือนกันข้างที่ผิดปกติก็มีปัญหาเช่นไหล่ติด ซึ่งถ้าเรารู้เรื่องระบบกล้ามเนื้อดีพอเราจะรู้ว่ามาจากกล้ามเนื้อมัดใด ซึ่งสามารถกดแล้วยืดกล้ามเนื้อมัดนั้นบ่อยๆอาการก็จะดีขึ้นได้ครับ


ด้วยความปรารถนาดี อ.สุวัฒน์ เชียงใหม่
สงสัยเรื่องต่างๆสามารถสอบถามได้ที่เบอร์ 089-191-1664
วีดีโออื่นๆ ดูได้ที่นี่ --> Thara Thai Massage Channel

ติดตาม facebook ได้ที่ --> https://www.facebook.com/TharaMassage

Saturday, June 14, 2014

วันนี้เรามาคุยกันเรื่องเบาๆกันครับ แต่ก็เป็นความรู้ ให้หมอนวด เพื่อที่จะได้คุยกับลูกค้าหรือผู้ป่วย ซึ่งมักจะมีคำถามๆหมอนวดอยู่บ่อยๆ เรียกว่าเป็นคำถามยอดฮิตก็ได้

1.นวดกี่ครั้งจึงจะหาย?

2.ทำไมนวดแล้วจึงดีขึ้นไม่กี่วัน ก็กลับมาเป็นอีก

ตอบ อาการที่หมอนวดนวดเรียกว่า อาการของ”โครงสร้างกล้ามเนื้อ” ซึ่งจะบอกว่าไล่ตั้งแต่เท้าขึ้นไปจนถึงศีรษะเลยก็ว่าได้
ตั้งแต่ อาการรองช้ำ จนถึงไมเกรน ซึ่งการนวดไม่ใช่การรักษาโรคแต่อย่างใดนะครับ เพียงแต่ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อเท่านั้น หรือช่วยในการลดการตึงหรือแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อ หรือพังผืด หรือทำให้เลือด-ลมไหลเวียนดีขึ้น จึงส่งผลให้อาการปวดดีขึ้น จึงอยากให้หมอนวดตอบคำถามลูกค้าหรือคนไข้ดังนี้


การนวด”ไม่มี”การบอกว่ากี่ครั้งหายนะครับและหมอนวดก็แค่”นวด”เท่านั้น เพียงแต่บอกว่าถ้าคุณรู้สึกดีขึ้น ก็สามารถมารับบริการการนวดใหม่ได้เรื่อยๆ แต่ถ้าไม่ดีขึ้นก็ควรไปพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยให้ละเอียดว่าเป็นอะไรกันแน่ ถ้านวดสองหรือสามครั้งไม่ดีขึ้นก็ควรแนะนำไปพบแพทย์ได้แล้ว ขอย้ำนะครับว่าไม่มีการตอบว่ากี่ครั้งหาย เพราะจะกลายเป็นการโอ้อวดไป


ส่วนคำถามที่ว่าทำไมนวดแล้วจึงดีขึ้นไม่กี่วัน ก็กลับมาเป็นอีก ต้องขอตอบรวมๆไว้ดังนี้
การนวดนั้น อาจช่วยได้เพียงแค่30%ของอาการเจ็บป่วยเท่านั้น ส่วนอีก70%เป็นเรื่องของคนไข้เองที่ต้องให้ความร่วมมือ ซึ่งก็คือการออกกำลังกาย หรือกายบริหาร หรือเลี่ยงอิริยาบทที่ทำให้เกิดโรค เช่นถ้านวดแล้ว ก็กลับไปทำอิริยาบท อย่างเดิม เช่นปวดหลัง นวดดีขึ้นแล้วก็กลับไปยกของหนักอีก อย่างนี้ก็ต้องกลับมาปวดอีก เพราะกลับไปทำอิริยาบทอย่างเดิมซ้ำๆ หรืออย่างเช่นนั่งทำงานกับคอมพ์ฯ แทนที่จะลุกบริหารร่างกายระหว่างชั่วโมงบ้าง กลับนั่งทำงานถึงวันละ4-8ชั่งโมงแบบนี้ร่างกายที่ไหนจะทนไหว หรือการออกกำลังกาย คนไข้เองก็รู้ว่า”การออกกำลังกาย”ช่วยได้ดีมาก ผมอยากจะบอกว่าดีกว่านวดเสียอีก สามารถแก้อาการเรื่อง”โครงสร้างกล้ามเนื้อ”ได้เกือบทุกอาการ ซึ่งหมอนวดเกือบทุกคนก็มักจะแนะนำให้คนไข้ให้ออกกำลังกาย หรืออาจเป็นท่ากายบริหารต่างๆ แต่ส่วนมากมักจะตอบกลับมาว่า”ไม่มีเวลา “ ทีนี้ก็ต้องมานวดบ่อยๆเป็นหรือปวดเหมือนเดิมซ้ำๆ ผมจึงอยากให้หมอนวดพูดให้คนไข้เห็นถึงความสำคัญของการออกกำลังกายว่าสำคัญอย่างไร เช่นคุณอาจหาเงินได้มาก แต่ถ้าคุณไม่ออกกำลังกาย แก่ตัวสุขภาพไม่ดี เงินทองที่หามาได้ก็ต้องกลับไปรักษาสุขภาพคุณอยู่ดี แต่ถ้าคุณสียสละเวลาวันละ1ชั่วโมงเพื่อออกกำลังกาย อาจทำให้คุณอายุยืน และสุขภาพดีอีกหลายปี หรืออาจพูดว่า ร่างกายเหมือนยืมเขามาใช้ เพราะตายแล้วก็คืนโลก ฉะนั้นก็ควรจะใช้อย่าง”กตัญญู” ทะนุบำรุงมันบ้าง จะได้ใช้งานอย่างมีความสุข


ส่วนเรื่องอืนๆก็สำคัญไม่แพ้กันนะครับ เช่นเรื่องอาหารแสลง ก็ควรบอกทุกครั้ง ว่าควรงด เช่น เครื่องในสัตว์ หน่อไม้ดอง กุ้ง สุรา เบียร์


ส่วนเรื่องการหลับนอนก็ควรให้ได้วันละ8-10ชั่วโมง และอย่าเครียด หรือโกรธง่าย เพราะเป็นบ่อแห่งเกิดโรคทั้งนั้น



ด้วยความปรารถนาดี อ.สุวัฒน์ เชียงใหม่
สงสัยเรื่องต่างๆสามารถสอบถามได้ที่เบอร์ 089-191-1664
วีดีโออื่นๆ ดูได้ที่นี่ --> Thara Thai Massage Channel
ติดตาม facebook ได้ที่ --> https://www.facebook.com/TharaMassage
*ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

วันนี้มาตอบคำถามกันครับเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ มาดูคำถามกันครับ

10 มิถุนายน 20:07
สวัสดีค่ะอาจารย์สุวัฒน์ ที่เคารพ แจนสงสัยว่า ลูกค้าบางคนพอนวดเสร็จนอนพักแล้วประมาณ5นาทีแล้ว
ลูกค้าบอกว่าเหนื่อยมาก แต่ในขณะเดียวกันลูกค้าอีกคนบอกว่าสดชื่นกระปรี้กระเปร่ามากเลย แจนเลยสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น อาจารย์ช่วยบอกแจนหน่อยได้ไหมค่ะว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะว่า งง มากเลยค่ะ ที่บอกว่าแต่ในขณะเดียวกัน แต่เป็นลูกค้าคนละคนกันกับที่บอกว่าสดชื้นกระปรี้กระเปร่ามากเลย
ขอบคุณล่วงหน้าที่อธิบายให้ฟัง

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ขอตอบที่หน้าเพจนะครับเพื่อให้ความรู้หมอนวดคนอื่นๆด้วย
คืออย่างนี้ครับ บางคนนวดแล้วร่างกายหลั่งสารเอ็นโดรฟีน หลังนวดจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่า บางคนร่างกายหลั่งสารอาดีนาดีน ร่างกายจะล้า ถ้าถามว่าทำไมถึงหลั่งไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของร่างกายเช่น ถ้าร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง กล้ามเนื้อไม่แข็งเกร็ง การนวดก็ไม่เจ็บหลังการนวดจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ส่วนบางคนร่างกายหรือกล้ามเนื้อแข็งเกร็ง เวลานวดก็เจ็บ ยิ่งเจ็บบางคนยิ่งเกร็งกล้ามเนื้อสู้มือหมอประเภทนี้หลังการนวดมักเหนื่อยล้า และระบม บางคนเกิดอาการง่วงนอนมากเนื่องจากการไหลเวียนของเลือด เพราะร่างกายต้องนำเลือดกลับไปฟอกที่ปอด และนำกรดแล็คติกกลับไปที่ตับ เพื่อเปลี่ยนรูปเป็นคาร์บอนไดร์อ๊อกไซด์และน้ำ บางทีถึงกับไข้จับวันรุ่งขึ้น ฉะนั้นก่อนการนวด ควรประเมินร่างกายคนไข้ก่อน ถ้ามีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อก็ควรนวดอย่างเบาๆให้เขาผ่อนคลายก่อน แล้วค่อยๆเพิ่มน้ำหนักมือแบบค่อยเป็นค่อยไป




ด้วยความปรารถนาดี อ.สุวัฒน์ เชียงใหม่
สงสัยเรื่องต่างๆสามารถสอบถามได้ที่เบอร์ 089-191-1664

วีดีโออื่นๆ ดูได้ที่นี่ --> Thara Thai Massage Channel
ติดตาม facebook ได้ที่ --> https://www.facebook.com/TharaMassage
*ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต


Friday, June 13, 2014


วันนี้ มาให้ความรู้เรื่องนวด มีหมอนวดหลายๆคนตอบคำถามลูกค้าไม่ได้ ว่านวดมีประโยชน์อย่างไร บอกได้แต่ว่าทำให้เลือดลมไหลเวียนดีเท่านั้น ฉะนั้นวันนี้จะบอกอีกแง่มุมหนึ่งครับ อยากให้แชร์เก็บเอาไว้เผื่อตอบลูกค้าได้

1.กล้ามเนื้อของคน โดยปกติแล้วจะมีการหดตัวและคลายตัวตลอดเวลา หลังจากหดตัวและคลายตัวแล้วจะเกิด "กรดแลคติค"ขึ้นมา ซึ่งถ้ามีมากจะทำให้เกิดอาการล้าและปวดเมื่อยได้ การนวดช่วยส่งเลือดแดงไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ และนำ "กรดแลคติค" กลับไปที่ตับ เพื่อเปลี่ยน กรดแลคติค เป็นคาร์บอนไดออกไซด์ และน้ำ

2.อายุ40ปีขึ้นไป ถ้าไม่ออกกำลังกาย ไขมันเลว ก็อาจเกาะตามผนังหลอดเลือดได้ นานเข้าก็อาจตีบได้ ทางเดินของเลือด-ลมเปรียบเสมือนแม่น้ำที่ไหลเวียนไปทั่วร่างกาย ถ้าเกิดการ”ตื้นเขิน”(ของไขมัน)ย่อมทำให้ส่วนนั้นๆผิดปรกติ การนวด ย่อมมีการ"กด" "บีบ" "คลึง" "นวด"บนกล้ามเนื้อ และหลอดเลือด(เส้นเลือด) ทำให้ช่วยให้ไขมันหลุดออกบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งช่วยให้หลอดเลือดสะอาดขึ้น ตรงนี้แหละครับที่บอกว่าเลือดลมไหลเวียนดี


3.เกิดความผ่อนคลาย ทำให้ร่างกายหลั่งสาร เอ็นโดรฟีน ทำให้หลับสบาย เมื่อหลับได้ก็สุขภาพดี ก็มีอายุยืน(ทางอ้อม)


4.บางคน อาจมานวดเพื่อพูดสิ่งที่อยู่ในใจ เพื่อระบายความเครียด ในใจ ให้หมอนวดฟัง(ถ้าสนิทกัน) เมื่อระบายแล้วก็หายเครียด ฉะนั้น หมอนวดควรเป็นผู้ฟังที่ดี เพราะบางคน แค่อยากให้มีคนฟังเท่านั้น หมอนวดก็ได้บุญด้วย เพราะได้ช่วยทางจิต แถมยังได้เพื่อนด้วย


5.ความเจ็บป่วย ของโครงสร้างกล้ามเนื้อ อันนี้เป็นที่รู้กันว่าสามารถแก้ไขสามารถแก้ไขความผิดปรกติของโครงสร้างกล้ามเนื้อ ในหลายอาการได้ เช่นปวดหลัง ไหล่ติด ปวดตามข้อต่างๆซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยลดการใช้ยาแก้ปวดลงได้ ประหยัดเงินและงบประมาณการนำเข้ายา จากต่างประเทศ


6.ควรให้ลูกค้า งดดื่มน้ำเย็นหลังนวด และห้ามอาบน้ำหลังนวด2ชั่วโมง เพราะหลังนวด เลือดลมจะไหลเวียนเร็ว ร่างกายจะนำเลือดดำกลับไปฟอกที่ปอด ถ้าดื่มหรืออาบน้ำ จะทำให้ชะงัก มีผลทำให้กล้ามเนื้อเกิดระบมได้


7.การนวด ช่วยทำให้ข้อต่อต่างๆเกิดการยืดหยุ่นดีขึ้น ทำให้การเคลื่อนไหวมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น เกิดความกระฉับกระเฉง


8.เวลากล้ามเนื้อเกิดอาการตึงหรือแข็งมาก ทำให้บีบให้เส้นเลือดเกิดอาการแน่นอาจทำให้หัวใจต้องทำงานหนัก ถ้ากล้ามเนื้อผ่อนคลายหัวใจก็ทำงานดีขึ้น เพราะไม่ต้องทำงานหนัก


ด้วยความปรารถนาดี อ.สุวัฒน์ เชียงใหม่
สงสัยเรื่องต่างๆสามารถสอบถามได้ที่เบอร์ 089-191-1664
วีดีโออื่นๆ ดูได้ที่นี่ --> Thara Thai Massage Channel

ติดตาม facebook ได้ที่ --> https://www.facebook.com/TharaMassage


วันนี้เราจะมาสอน วิธีการนวด เพราะหมอนวดบางคนอาจไม่รู้ แต่ผู้ที่รู้แล้วก็ถือว่าได้ทบทวนก็แล้วกันนะครับ 

ทำไมหมอนวดทำงานไม่กี่ปีก็มีอาการป่วย  เช่น ปวดแขน บ่า ไหล่ เอว หลัง วันนี้เราจะมาเรียนรู้และปฏิบัติให้ถูกต้องจะได้ผ่อนหนักเป็นเบา ก่อนอื่นต้องพูดถึงโครงสร้างร่างกาย ร่างกายของเราแบ่งเป็น2ซีก ซ้าย-ขวา มีกระดูกสันหลังอยู่กลาง และมีเส้นประสาททอดผ่านออกมาเพื่อควบคุมอวัยวะต่างๆ และรับคำสั่งจากสมองซึ่งเป็นส่วนที่สาคัญที่สุด ถ้ากล้ามเนื้อทั้ง2ข้างขาดความสมดุลย์ เช่นข้างหนึ่งตึง ข้างหนึ่งหย่อน เนื่องจากการนวดที่ผิดวิธี กล้ามเนื้อที่ตึงก็จะดึงกระดูกสันหลังตั้งแต่คอถึงเอว กล้ามเนื้อที่หย่อนก็ไม่มีกำลังพอที่จะช่วย นานๆเข้า จากอาการตึงก็กลายเป็นล้า จากล้าก็กลายเป็นร้าวอาการป่วยอย่างที่ว่า ก็มาทีละนิด สุดท้ายก็ป่วยหนัก จนทำงานไม่ไหว วิธีที่ถูกต้องคือ 

1.เวลาเราใช้นิ้วกด รู้มั้ยครับว่าแรงส่งมาจากไหน? แรงส่งนั้นมาจากไหล่นะครับ ฉะนั้นถ้างอศอกแล้วกด เราก็ผิดแล้วใช้แรงจากศอกกับนิ้ว นานเข้าก็ปวดแขน มือชา นานเข้าก็ปวดบ่า เวลานวดต้องให้"แขนตึง" หมายถึงให้แขนเหยียดตรง เพื่อให้ไหล่ส่งพลังลงไปที่นิ้วได้เต็มที่ "หน้าตรง" หมายถึงการนั่งให้กระดูกคอถึงสันหลังตรงให้มากที่สุด เพื่อการกดจะใช้พลังจากกล้ามเนื้อไหล่ทั้ง2ข้างให้เท่ากัน "องศาได้" หมายถึง ทิศทางที่จะกด เช่นต้องการให้แรงกดมากขึ้น ก็นั่งห่างออกมาใช้แรงเท่าเดิม แต่แรงกดมากกว่าเดิมเพราะจากท่านั่งส่งพลังมาที่ไหล่


2.ท่านั่งนวดสาคัญมาก ป่วยไม่ป่วยก็ด้วยท่านั่งด้วยเช่นกัน ไม่ควรนั่งพับเพียบ หรือขัดสมาทเวลานวด เพราะร่างกายจะใช้กล้ามเนื้อเอวมาก จะทาให้ปวดหลังง่ายที่สุดนานเข้าก็เป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ท่าที่ถูกต้องนั่งท่า เทพธิดา หรือเทพบุตร กางเข่าออกจากตัวให้มากที่สุด จะทำให้ร่างกายใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องแทน กล้ามเนื้อหลังก็ไม่ดึงกระดูกสันหลังปลอดภัยกับตัวหมอนวดเอง ยิ่งถ้านั่งเอี้ยวตัวนวดก็อย่านั่งนานจะทาให้ปวดหลังง่าย ฝึกใช้กล้ามเนื้อท้องในการนวดจะดีต่อสุขภาพ และเวลานวดพยายามเปลี่ยนอิริยาบทไว้เสมอ อย่านั่งท่าเดียวนานๆควรขยับสะโพกหรือเอวบ่อยๆเพื่อป้องกันอาการปวดหลัง 


3.ในท่าดัด ส่วนมากลูกค้าต่างชาติตัวใหญ่ หมอนวดดัดไม่ไหวก็ชอบฝืน เช่นท่านั่งมือประสานท้ายทอย หมอนวดสอดมือแล้วทำการบิดเอวไม่รู้ว่าบิดเอวใครเอวหมอหรือเอวลูกค้า (ซึ่งเคยมีคนเล่าให้ฟังว่าคนไข้ถึงกับปอดฉีก เนื่องจากเกร็งต้านหมอนวด) ซึ่งมันมีท่าดัดอีกหลายท่า ที่หมอนวดไม่ต้องออกแรงมากแต่ได้ผลไม่แพ้กัน คงต้องเรียนรู้เพิ่มเติมหรือไปซื้อหนังสือ "40ท่านวด ดัดกายคลายโรค" ของอ.พิศิษฐ เบญจมงคลวารี ก็ได้ครับ เป็นหนังสือที่ดีมากทีเดียว เหมาะกับหมอนวดที่ชอบการดัดเป็นอย่างยิ่ง หรือดูvdo "เทคนิคการผายเส้นและการดัดตัว"ของผมเพิ่มเติมก็ได้ จะได้ประโยชน์กับตัวหมอนวดเอง




คลิ๊กเพื่อดูวีดีโอ --> เทคนิคพิเศษ การผายเส้นและการดัดตัว

4.หมอนวดเองต้องหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ บางคนทำงานนวดหนักมากแล้วคิดว่าตัวเองเหนื่อยแล้ว อาบน้ำแล้วนอนดีกว่า เป็นความคิดที่ผิดมหันต์เลยที่เดียว เพราะตัวเองอยู่ในอิริยาบทเดียวนานๆย่อมทำให้เกิดโรคง่ายอยู่แล้ว เอาตัวอย่างง่ายๆเช่นเวลาแขนหักหมอต้องเข้าเฝือก เวลาถอดเฝือกใหม่ๆจะเหยียดแขนไม่ได้เนื่องจากพังผืดเกาะที่ข้อศอกเนื่องจากงอมานาน เช่นเดียวกัน เวลาทำงานอยู่ในท่าเดียวย่อมเกิดพังผืดได้งาย แต่แก้ยาก(เวลาป่วย)เพราะกลับไปทำอย่างเดิม พังผืดจะหนาตัวขึ้นตามกาล ทีนี้แหละป่วยแน่ๆ บางคนก็อ้างว่านวดช่วยเขาแล้วของเข้าตัว ชอบโทษจากภายนอกไม่ยอมโทษตัวเอง



ด้วยความปรารถนาดี อ.สุวัฒน์ เชียงใหม่

สงสัยเรื่องต่างๆสามารถสอบถามได้ที่เบอร์ 089-191-1664
วีดีโออื่นๆ ดูได้ที่นี่ --> Thara Thai Massage Channel

ติดตาม facebook ได้ที่ --> https://www.facebook.com/TharaMassage
วันนี้เรามาให้ความรู้เรื่องอาการปวดหลังกันครับ
อาการปวดหลัง(ช่วงเอว)โดยมากมาจากการทำงานที่ก้มๆเงยๆทั้งวัน หรือนั่งทำงานนานๆก็ทำให้ปวดหลังได้เช่นเดียวกันบางคนเวลานอนเอวจะไม่แตะพื้นต้องเอามือสอดไว้ใต้เอวตลอดเวลา บางคนก้มไม่ลงมีอาการหลังแข็ง ถ้ามีอาการปวดหลังหมายถึงเกิดความผิดปกติของกล้ามเนื้อหรือกระดูกสันหลังอย่าปล่อยให้ปวดเรื้อรังหรือทานยาคลายเส้น แต่ควรจะนวดหรือออกกำลังกายร่วมกับนวดเพราะปล่อยไว้นานๆกล้ามเนื้อที่ข้างกระดูกสันหลังจะขาดความสมดุลย์ อาจทำให้เป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้ มาคุยถึงเคล็ดลับวิธีนวดแก้ปวดหลังกันครับ

1.เวลาคนป่วยมาด้วยอาการปวดหลัง(เอว)สิ่งแรกที่ต้องถามคือปวดบริเวณไหนของหลัง(เอว)
1.1 ปวดเอวช่วงL5หรือกระดูกสันหลังเอวข้อสุดท้ายชิดกระดูกสะโพก(สัญญาณ1)
1.2 ปวดเอวช่วงL3-L4 หรือเหนือสะโพกขึ้นมา1-2ข้อ(สัญญาณ3)
1.3 ปวดกล้ามเนื้อเอวระหว่างซี่โครงซี่สุดท้าย-สะโพก(สัญญาณ2)หรือจุดเท้าสะเอวนั่นเอง(ที่เวลาเราเท้าสะเอวเอานิ้วโป้งไว้ที่เอวพอดีจุดนี้สำคัญมากในการแก้)
1.4 ปวดบริเวณหลัง(แนวเส้น2 ของหลัง) 


2.ถามถึงอาการว่ามีอาการปวดร้าวลงขาหรือไม่ (ส่วนมากไม่นะครับถ้าเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นจะร้าวลงขา) 

3.ปวดข้อ1 จะปวดสลักเพชรด้วย


อาการมีอาการปวดเอวมากบางทีหลังจะแข็งก้มไม่ได้บางทีเอี้ยวตัวไม่ได้บางคนเวลานอนหลังจะไม่ราบกับพื้นเอวจะลอยขึ้นมาเพราะกล้ามเนื้อหลังตึงมากจนดึงกระดูกแอ่นขึ้นไปจนคนป่วยต้องเอามือสอดไว้ใต้เอวเพื่อลดอาการปวดการรักษาคล้ายๆกันยกเว้นข้อ1.3 จะแตกต่างเล็กน้อยวิธีการนวดอาจต่างจากคนอื่นนะครับเพราะนวดจากประสบการณ์พยายามจำเคล็ดลับแล้วนาไปปฏิบัติได้ผลอย่างไรบอกด้วยนะครับ




วิธีการนวด
1.ให้คนป่วยนอนหงายจับปลายเท้าทั้ง2ประสานกันแล้วกดลงสังเกตุดูว่ามุมของสะโพก(บริเวณใกล้หัวตะคาก)มีการยกขึ้นหรือไม่สลับขากดซ้าอีกทีโดยมากเอวข้างที่มีปัญหามุมของสะโพกจะยกขึ้นเล็กน้อยให้จำเอาไว้ก่อน


2.ให้คนป่วยนอนคว่าใช้นิ้วโป้งวางคู่กดที่ร่องเอว(จุดเท้าสะเอว)กดลงข้างๆกล้ามเนื้อลึกๆแล้วงัดยกกล้ามเนื้อเอวขึ้นมาทาซ้ำโดยเลื่อนจุดแล้วงัดกล้ามเนื้อเอวขึ้นมาทำจนกว่าอาการเจ็บลดลง (ทำทั้ง2ข้าง)ใช้เวลาประมาณ10นาที

3.หลังจากนั้นให้คนป่วยนอนหงายหลังจะราบกับพื้นทันทีราวปาฏิหารย์อาการปวดหลังลดลง50% เริ่มนวดพื้นฐานขาโดยเน้นแนวเส้น1ขาด้านนอกใกล้หัวตะคากจะพบเส้นแข็งเป็นลำ(ตามข้อ1)ให้นวดจนเส้นนี้นิ่มลงแล้วนวดขาด้านในเส้น1และเส้น2 


4.หลังจากนั้นให้คนป่วยนอนตะแคงเน้นขาด้านในให้นานโดยเอานิ้วหรืออุ้งมือกดหาเส้นที่แข็ง(แนวสัญญาณ1 ขาด้านใน)พบแล้วใช้ศอกกดนิ่งๆนับ1-10คลายแล้วกดซ้ำนวดตามแนวเส้นจนกว่าจะนิ่มเส้นนี้แก้ปวดหลังตามข้อ1.2 เสร็จแล้วนวดแนวอื่นๆของขาด้านในจนครบ

5.ให้คนป่วยนอนคว่ำให้ผู้นวดยืนใช้เท้าเหยียบเส้นกลางขาด้านหลังจะพบเส้นแข็งเช่นเดียวกันเส้นนี้ใช้นิ้วมือหรือศอกจะไม่ได้แรงพอใช้ส้นเท้าดีที่สุดนวดหรือเหยียบจนกว่าจะนิ่มหรืออาจใช้นิ้วโป้งเท้าเขี่ยเส้นนี้ก็ยิ่งดี (เส้นนี้ช่วยแก้ปวดหลังตามข้อ1.1 และทำให้จุดสลักเพชรอ่อนตัวแล้วใช้ศอกกดบริเวณก้นจนทั่วหาเส้นแข็งพบก็กดจนกว่าจะนิ่ม

6.ให้คนป่วยนอนตะแคงใช้ศอกกดจุดสลักเพชรหาจุดที่แข็งก่อนกดนะครับเส้นนี้ไม่ใช่มีจุดเดียวแต่แข็งเป็นลำเลยนวดตลอดแนว


7.กดที่หัวตะคาก(สัญญาณ2)โดยให้คนป่วยนั่งพับเพียบก็ได้โดยให้เอาขาด้านที่จะกดออกด้านนอกจะพบเส้นแข็งเป็นลานวดจนกว่าจะนิ่ม(เส้นนี้เจ็บมากไม่ต้องนวดแรงจะระบมหลายวัน) 


8.นวดแนวหลังตามปกติโดยกดจุดที่ให้คนป่วยชี้จุด(แต่กว่าจะถึงตอนนี้หลังหายปวดกว่า90%แล้ว)


9.ให้คนป่วยนอนตะแคงอีกครั้งยกขาตั้งเข่าขึ้นแบะขาออกจากตัวให้มากแล้วกดกดท้องข้างเอวจุดนี้แก้ปวดหลังข้อ1.3และ1.4 ใช้อุ้งมือนะครับกดใหม่อาจมีอาการเสียวให้กดค้างไว้นับ1-10คลายแล้วกดใหม่ทำจนกว่าจะหายเจ็บ(ถ้ากดแล้วคนป่วยไม่รู้สึกเจ็บหรือเสียวก็ไม่ต้องกดครับ)

10.แนะนำให้คนไข้หมั่นออกกำลังกายเช่นว่ายน้ำหรือ โยคะ หรือเดินออกกำลังวันละ1ชั่วโมงสัปดาห์ละ4วัน


เพียงเท่านี้หมอนวดก็ได้ลูกค้าเพิ่มจากความสามารถของหมอนวดไทยให้ฝึกนวดจนชานาญก่อนค่อยใช้กับคนป่วยนะครับได้ผลอย่างไรคอมเม้นท์กันมาเยอะๆนะครับอยากรู้ความคิดเห็นของพวกเรา


ด้วยความปรารถนาดี อ.สุวัฒน์ เชียงใหม่
สงสัยเรื่องต่างๆสามารถสอบถามได้ที่เบอร์ 089-191-1664
วีดีโออื่นๆ ดูได้ที่นี่ --> Thara Thai Massage Channel
ติดตาม facebook ได้ที่ --> https://www.facebook.com/TharaMassage
*ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Wednesday, June 11, 2014

วันนี้เรามาให้ความรู้อีกอาการหนึ่ง คืออาการ ปวดตา ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการ"ตามัว"หรือตาฟาง
ที่ไม่ได้เกิดจากโรค เช่นเบาหวาน หรือเสื่อมตามอายุนะครับแต่เป็นอาการปวดตาหรือตามัว จากการใช้งานมาก เช่นต้องเพ่งคอมพ์นานๆ หรืองานที่ต้องเพ่งนานๆ ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดตาหรือตามัวได้เนื่องจากกล้ามเนื้อดวงตาทำงานหนักหรือต้องเกร็งกล้ามเนื้อ"คอ"ตลอดเวลา เช่นก้มหน้านานๆทำให้กล้ามเนื้อคอเกิดอาการตึง ทำให้ดวงตาเกิดอาการ ล้า และปวด ทำให้เลือด-ลมไหลเวียนไม่สะดวก อาการปวดตาประเภทนี้ ถ้าไปตรวจแล้วไม่พบสิ่งผิดปรกติ ก็นวดได้และมักจะดีขึ้น เอาล่ะครับมาดูวิธีนวดกัน

1 ให้นวดตั้งแต่มือขึ้นไป โดยนวดฝ่ามือทั้งหมด แล้วนวดแนวแขน ทั้งด้านนอกและด้านในทั้งหมด(ให้เน้นแขนด้านในมากๆ นวดจนกว่าจะนิ่ม)


2ให้คนไข้นอนตะแคง นวดบริเวณขอบสบักบนใกล้กับบ่าจะพบเส้นแข็งเป็นลำ ตรงนี้เน้นเป็นพิเศษ อาจใช้ศอกหรือนิ้วโป้งก็ได้ให้นวดจนกว่าจะนิ่ม


3 ให้นวดขอบสบักนอกทั้งหมด โดยใช้นิ้วโป้ง หรืออาจใช้นิ้ว ชี้ กลาง นาง ซ้อนมือเขี่ยเส้นออกจากขอบสบัก 3-5รอบ


4 ให้นวดแนวสบักใน โดยนวดตามแนวกล้ามเนื้อลาย(พยายามหาร่องกล้ามเนื้อ กดในร่องกล้ามเนื้อแล้วยกหรือขยับกล้ามเนื้อทั้งมัด


5 ให้นวด บ่า จนนิ่มจากนั้นให้นวด"คอ"เน้นด้านหลังคอ หาเส้นที่แข็ง(ซึ่งคนที่ตามัว จะพบเส้นแข็งบริเวณนี้) ค่อยๆนวดจนกว่าจะนิ่มเช่นเดียวกัน


6 ให้หาจุดแข็งบริเวณฐานกระโหลกศีรษะ (ใต้ไรผม)จะพบจุดแข็งอาจจะประมาณเม็ดถั่ว ถ้าพบแล้วให้ใช้นิ้วโป้งกดข้างเม็ดแล้วดันออกข้างๆ ให้ทำจนกว่าเม็ดนี้เรียบหรือหายไป


7 ให้นวดศีรษะให้ทั่ว อาจพบเส้นแข็งบริเวณกระโหลกด้านหลัง ให้นวดคลึงจนนิ่ม


8 ให้คนไข้นอนหงาย นวดรอบเบ้าตาใช้นิ้วชี้กดหาเส้นแข็งที่ใต้ขอบตาบน ใกล้กับหัวคิ้วถ้าพบก็ให้นวดจนนิ่มเช่นเดียวกัน แล้วนวดที่ขอบตาล่างด้วยเช่นกัน


9 นวดหน้าผาก โดยใช้นิ้วโป้งวางเริ่มที่หัวคิ้วแล้วใช้นิ้วโป้งอีกข้างหนึ่งดันนิ้วโป้งที่วางไว้"รูดนิ้ว"มาที่หน้าผากใหม่ๆอาจเจ็บเล็กน้อย ให้นวดนานสักหน่อยเพราะเราต้องการให้เลือดไหลเวียนบริเวณนี้ นวดแล้วหน้าผากจะเป็นสีแดง-ส้ม


10 ให้หมอนวดเอาฝ่ามือ(บริเวณส้นมือ)ถูกันจนเกิดความร้อน(อุ่น)แล้วเอาไป"นาบ"ที่เบ้าตา โดยให้คนไข้หลับตาคนไข้จะรู้สึกได้ถึงความผ่อนคลายของดวงตา


เพียงเท่านี้ อาการตามัวก็จะดีขึ้น ถ้ามีโอกาสผมจะถ่าย vdoไว้ให้ศึกษาประกอบการอ่านครับ เพื่อให้หมอนวดเข้าใจยิ่งขึ้น


ด้วยความปรารถนาดี อ.สุวัฒน์ เชียงใหม่

สงสัยเรื่องต่างๆสามารถสอบถามได้ที่เบอร์ 089-191-1664
วีดีโออื่นๆ ดูได้ที่นี่ --> Thara Thai Massage Channel

ติดตาม facebook ได้ที่ --> https://www.facebook.com/TharaMassage
*ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Tuesday, June 10, 2014


วันนี้เรามาให้ความรู้อีกอาการหนึ่งกันครับ คืออาการปวดน่องด้านใน (ดูรูป เส้นที่ขีดไว้คือเส้นที่เจ็บตลอดแนวถึงใกล้พับเข่า)

อาการปวดน่องนี้ มักเกิดจากการยืนหรือเดินมาก เช่นอาชีพช่างทำผมซึ่งต้องยืนทั้งวัน ทำให้เส้นขาด้านในเกิดอาการตึงแล้วดึงลงน่อง(คนละส่วนกับการออกกำลังกายเช่นวิ่ง ปวดน่องแบบนี้ถ้าวิ่งไปเรื่อยๆก็หาย)อาการปวดนี้ถ้าหมอนวดไม่รู้มักนวดไม่หาย บางทียิ่งนวดยิ่งเจ็บกว่าเดิม มาดูวิธีการตรวจก่อนนวดกันสักเล็กน้อย
ก่อนอื่น ให้หมอนวดดูน่องว่ามีอาการบวมกว่าอีกข้างหรือไม่ ถ้าบวม แบบนี้ไม่ควรนวด หรือถ้าน่องมีสีต่างกันเช่นข้างที่เป็นสีคล้ำกว่าอีกข้าง แบบนี้ยิ่งห้ามนวดเพราะอาจเป็นภาวะเลือดเป็นลิ่มแล้วอุดตันที่น่อง ห้ามนวดเด็ดขาดถ้าลิ่มเลือดหลุดออกมาอาจเป็นอันตรายถึงตายได้ ถ้าปกติเหมือนกันทั้งสองข้างแต่มีอาการปวดแบบนี้นวดได้

มาดูวิธีนวดกันครับ
1 ให้คนไข้นอนหงาย ใช้นิ้วโป้งแกะเส้นที่ใต้ตาตุ่มนอก จะพบเส้นเล็กๆรอบตาตุ่ม ถ้าแคะถูกจะรู้สึกไปถึงใต้ฝ่าเท้านิ้วโป้งเลย ให้แกะสักครู่เพื่อเปิดประตูลมข้อเท้า

2 ให้นวดแนวน่องขาด้านใน ยังไม่ต้องเน้นกดแนวจุดที่เจ็บนะครับ
ไว้กดทีหลัง โดยกดแนวชิดกระดูก และแนวกลางน่องด้านใน นวดไปมา2-3รอบ


3 ให้นวดน่องด้านนอก โดยกดจุดนาคบาก แล้วนวดเส้นหนึ่งสันหน้าแข้ง และเส้นสองที่กลางน่องด้านนอก นวดประมาณ3รอบ


4 ให้นวดแนวเส้น1ขาด้านนอก โดยเน้นที่ใกล้ข้อพับสะโพกต้นขาให้นวดจนกว่าจะนิ่ม แล้วนวดแนวเส้น2ขาด้านนอก อาจนวด4-5รอบก็ได้


5 ให้นอนตะแคงข้างที่ปวด เช่นปวดน่องด้ายซ้ายให้นอนตะแคงซ้าย เพื่อที่จะนวดขาด้านใน ให้เหยียดขาตรง แล้วให้หมอนวดใช้เท้าขึ้นเหยียบขาด้านใน จะพบเส้นแข็งที่เวลาเหยียบจะรูสึกต้านฝ่าเท้าหมอนวด ตรงนี้สำคัญในการแก้อาการ เหยียบใหม่จะเจ็บมาก ให้ค่อยๆเพิ่มน้ำหนักในการเหยียบ และเน้นการใช้ส้นเท้ากดนิ่งๆ คลายแล้วกดใหม่ทำไปเรื่อยๆ อาจใช้เวลานานให้นวดจนเส้นนิ่มจะหายเจ็บ


6 ให้กลับตัวนอนตะแคงอีกข้าง กดนวดรอบๆสลักเพชร ตรงนี้จะไม่พูดถึงจุดสัญญาณ เพราะเส้นรอบสลักเพชรมีหลายเส้น ให้คลำหาเส้นที่แข็ง ซึ่งอาจมีมากกว่าหนึ่งเส้น พบแล้วให้นวด(อาจใช้ศอก)จนกว่าเส้นนิ่มลง


7 ให้นวดรอบกระดูกสะโพก(บริเวณหลัง) ถ้าพบเส้นที่แข็งก็นวดจนกว่าเส้นอ่อนลง แล้วนวดช่วงเอวตามปกติ


8 ให้คนไข้นอนหงายอีกครั้งคราวนี้ ให้กดแนวปวดที่น่องได้แล้วเพราะถ้าเราคลายเส้นจนดีการกดจะไม่ค่อยเจ็บและระบม หลังจากกดแนวจนรู้ดีขึ้นให้นวดใต้พับเข่าด้านล่าง โดยดูแนวจากน่องที่เจ็บไล่ขึ้นไปใต้พับเข่า จะพบเส้นแข็ง(ค่อนข้างใหญ่)ตรงนี้ห้ามกดรุนแรงจะระบมหลายวัน อาจใช้4นิ้วซ้อนกันโกยเส้นที่เจ็บแทนกด โกยไปเรื่อยจนเส้นนิ่ม


เพียงแค่นี้อาการปวดก็จะดีขึ้น ให้นัดมานวดซ้ำอีกครั้ง ไว้พรุ่งนี้ จะมาคุยเรื่องอาการปวดแนวกลางน่องกันครับเพราะสำคัญมาก แก้ได้หลายอาการทีเดียว



ด้วยความปรารถนาดี อ.สุวัฒน์ เชียงใหม่
สงสัยเรื่องต่างๆสามารถสอบถามได้ที่เบอร์ 089-191-1664
วีดีโออื่นๆ ดูได้ที่นี่ --> Thara Thai Massage Channel

ติดตาม facebook ได้ที่ --> https://www.facebook.com/TharaMassage
*ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

       วันนี้ เรามาคุยเรื่อง รองช้ำกันครับ เห็นว่าเป็นกันมากและหมอนวดไม่ค่อยรู้ นวดแล้วไม่ดีขึ้น แต่ผู้ที่รู้แล้วก็ถือว่าเป็นการทบทวน


รองช้ำ อาการ80%มักเป็นขาซ้าย หรือส้นเท้าซ้าย อาการเวลาตื่นนอนตอนเช้า ลุกจากเตียงเดิน จะเจ็บส้นเท้ามาก บริเวณที่เจ็บบางทีเจ็บข้างส้นเท้า บางทีเจ็บกลางส้นเท้าเลย บางทีนั่งนานๆ เวลาลุกเดินก็เจ็บส้นเท้าเหมือนกัน (ความเห็นส่วนตัวผมนะครับ อาจผิดก็ได้) เท่าที่สังเกตจากคนไข้หลายๆคน มักเกิดจากการนั่งนานเกินไป เช่นทำงานออฟฟิศก็นั่งบางทีถึง8ชั่วโมง กลับมาถึงบ้านก็นั่งอีก พอเวลานอนสังเกตดูนะครับผู้ที่เป็นด้ายซ้ายมักนอนตะแคงขวา ผู้ที่เป็นขวามักนอนตะแคงซ้าย เนื่องจากเวลานอนเช่นเป็นข้างซ้ายนอนตะแคงขวา เรามักจะงอเข่าซ้ายด้วยยิ่งนอนทั้งคืนก็ต้องงอทั้งคืน เวลานั่งนานๆก็เช่นเดียวกันก็ต้องงอเข่าตลอดเวลา ทำให้เวลาลุกเดินใหม่ๆจะเจ็บส้นเท้ามาก ฉะนั้นเวลาผมนวดเสร็จจะแนะนำคนไข้ว่าถ้าเป็นข้างซ้ายให้นอนตะแคงซ้ายแล้วเอาหมอนดันหลังเวลานอน เวลาจะพลิกจะทำให้ไม่พลิกตัวมานอนตะแคงขวา ถ้านอนหงายได้ก็ดีเลย เวลานั่งทำงานก็เช่นเดียวกันให้เหยียดเท้าให้ตรงหรือหาเก้าอี้ตัวเล็กๆมารองเท้าไว้ทำให้ไม่ต้องงอเข่า ปรากฏว่าดีขึ้นแทบทุกราย อยากให้หมอนวดแนะนำคนไข้หลังการนวดทุกครั้ง

สาเหตุ (แพทย์แผนไทย) ส้นเท้าเป็นจุดสะท้อนของมดลูก ถ้าเจ็บสะท้อนถึงมดลูกมีปัญหา เช่นมดลูกเคลื่อน เนื่องจากบริเวณรอบๆกระดูกหัวเหน่ามีร่างแหประสาทอยู่ เวลามดลูก หรือกระเพาะปัสสาวะมีปัญหา มักจะส่งสัญญาณ ไปที่เส้นขาด้านหลัง ใกล้ๆด้านนอกเหนือพับเข่า และใต้พับเข่าด้วย กดดูจะพบเส้นแข็งเป็นลำและเจ็บมาก ปล่อยไว้นานๆต่อมาเส้นจะดึงไปถึงข้อเท้า เกิดพังผืดรอบๆข้อเท้า ทำให้เป็นรองช้ำ ซึ่งมีอาการเวลาตื่นนอน เวลาเดินจะเจ็บส้นเท้ามาก เพราะเวลานอนเรามักจะงอขาซ้าย ซึ่งเส้นเหนือพับเข่าและใต้พับเข่าจะดึงถึงส้นเท้า หรือเวลานั่งงอเข่านานๆเวลาเดินก็เจ็บส้นเท้าเหมือนกัน บางทีซึ่งผู้ที่ตัดมดลูกไปแล้ว แต่บางทีลำไส้หย่อนลงมา ก็ทำให้ให้กระทบร่างแหประสาท ทำให้ปวดลงส้นเท้าได้เหมือนกัน ส่วนมากกว่า80% เป็นด้านซ้าย เข้าใจว่าน่าจะเกิดจากถนัดขวาและยกของหนัก ทำให้เอียงลงด้านซ้าย  แต่ถ้าเป็นด้านขวา มักจะเกี่ยวข้องกับระบบปัสสาวะเป็นสำคัญ เช่น พังผืดรัดกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน ทั้งที่ดื่มน้ำน้อยเนื่องจากพื้นที่กระเพาะปัสสาวะหดแคบลง แต่ไม่ได้เป็นเบาหวาน เจ็บเส้นเหนือพับเข่า และใต้พับเข่าด้านขวา นั่งยองๆไม่ค่อยได้ จะมีอาการเจ็บใต้พับเข่า นั่งพับเพียบนานไม่ได้ เวลาเหยียดขาจะเจ็บมากและเจ็บที่ขาหนีบด้านในด้วย ส่วนผู้ชายที่มีอาการรองช้ำ มักเกี่ยวกับ กระเพาะปัสสาวะหรือต่อมลูกหมากได้


คลิ๊กดูวีดีโอ --> นวดแก้อาการพังผืดรัดข้อเท้าอักเสบหรือ"รองช้ำ"

ก่อนนวด ควรให้คนไข้แช่เท้าด้วยน้ำอุ่นจัดๆก่อนนวดสักครู่เรามาดูวิธีนวดแก้อาการกันครับ
1 ให้คนไข้นอนหงาย แบะขาออก ให้หมอนวดใช้นิ้วโป้ง หรือศอกกดรอบๆข้อเท้าด้านใน จะรู้สึกสัมผัสดังกรึดๆ(เจ็บมาก)ค่อยๆกดรีด จนกว่าเสียงกรึดๆหายไป แล้วนวดรอบข้อเท้าด้านนอกทั้งหมด จนกว่าเสียงกรึดๆหายไปเช่นเดียวกันตรงนี้ใช้เวลานานพอสมควรไม่ต้องรีบร้อน


2 ให้นวดขาท่อนล่าง จากน่องขึ้นไป โดยเริ่มจากเหนือส้นเท้า บริเวณเอ็นร้อยหวายขึ้นไป เน้นบริเวณระหว่างตาตุ่มกับเอ็นร้อยหวายทั้งด้านนอกและด้านใน แล้วนวดแนวขาล่างทั้งหมดทั้งด้านนอกและด้านใน


3 ให้นวดขาด้านบน โดยให้หมอนั่งพับเพียบเอาขาคนไข้ไว้ที่หน้าขาหมอนวด ใช้ศอกกดเส้น ขาด้านในเส้น1แนวหัวเข่าขึ้นไปถึงข้อพับสะโพกนวด3-5รอบ


4นวดแนวกลางขา จากหน้าเข่าถึงข้อพับสะโพก3-5รอบ แล้วนวดแนวเส้น1ขาด้านนอก เริ่มจากมุมกระดูกสะบ้าขึ้นไปที่มุมข้อพับสะโพกใกล้กับหัวตะคาก


5 นวดแนวขาด้านนอกทั้งหมด ค่อยๆหาเส้นที่ตึงแล้วนวดจนนิ่ม


6 ให้คนไข้นอนคว่ำ อาจใช้เท้าเหยียบขาด้านหลัง จนนิ่มเช่นเดียวกัน แล้วนั่งข้างคนไข้ ยกงอเข่าคนไข้ขึ้นมา ค่อยๆหาเส้นแข็งเหนือพับเข่าใกล้ริมขาด้านนอก ให้กดนวดไปเรื่อยๆใหม่ๆจะเจ็บมากถ้ากดถูก แล้วค่อยๆกดเส้นในพับเข่า โดยให้กดหาเส้นแข็ง วางนิ้วไว้ข้างเส้นแข็งแล้วเขี่ยเบาๆทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะนิ่ม (เส้นในพับเข่า ห้ามกดรุนแรง อาจช้ำและระบมหลายวัน)


7 ให้คนไข้นอนตะแคง กดหาเส้นแข็งรอบสะโพก และบริเวณขอบกระดูกก้นกบ ถ้าพบก็ให้นวดจนนิ่มเช่นเดียวกัน แล้วกดจุดสัญญาณ3ขาด้านหลัง(จุดนี้ส่งสัญญาณ ไปที่มดลูก)กดประมาณ4-5ครั้ง


8 ให้คนไข้นอนคว่ำ หมอนวดนั่งปลายเท้า ยกฝ่าเท้าขึ้นมาไว้หน้าขาหมอนวด ใช้ศอกหรือนิ้วโป้งกด ที่บริเวณส้นเท้า(ถามคนไข้ว่าเจ็บจุดใด ให้นวดจุดที่เจ็บ)จะพบจุดที่เจ็บมีลักษณะเป็นลำแข็ง ให้นวดจนกว่าจะเรียบ (ใหม่ๆจะเจ็บมาก อาจค่อยๆกดจากเบาไปสู่หนัก)


9 ให้คนไข้นอนหงายโดยนอนตั้งเข่าใช้หมอนรองใต้ก้น ให้หมอนวดใช้ฝ่ามือทั้ง2ข้างกดชิดกระดูกหัวเหน่าแล้วโกยเข้าหาสะดือ โกยรอบหัวเหน่าทำทั้งหมด 3รอบ


เพียงเท่านี้อาการรองช้ำ ก็ดีขึ้นควรนวดต่อเนื่องอาทิตย์ละครั้งจนกว่าจะหาย
แนะนำหลังการนวด ให้เดินออกกำลังกาย ห้ามยกของหนัก นั่งไขว่ห้าง



ด้วยความปรารถนาดี อ.สุวัฒน์ เชียงใหม่
สงสัยเรื่องต่างๆสามารถสอบถามได้ที่เบอร์ 089-191-1664
วีดีโออื่นๆ ดูได้ที่นี่ --> Thara Thai Massage Channel

ติดตาม facebook ได้ที่ --> https://www.facebook.com/TharaMassage
*ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

บทความเรียงตามเดือน

ช่องทางติดต่อ

เกี่ยวกับผู้เขียน

© อ.สุวัฒน์ มอบ" ให้" เป็นวิทยาทาน เพื่อให้นำไปพัฒนาวิชาชีพ. Powered by Blogger.
พิมพ์ข้อความเพื่อค้นหาบทความ หรือ อาการ
search for article or syndrome

Popular Posts